ทำงานกันวันละกี่ชั่วโมงกันบ้าง หรือทำงานกันทุกวันทั้ง 8 วันหรือเปล่า ที่บอกว่า 8 วันนั้นก็คือเวลานอนก็นับไปด้วยก็แล้วกัน บางคนก็เอางานไปทำในฝันด้วยจะทำเสร็จหรือไม่เสร็จก็เอาเข้าไปทำด้วย ตื่นมาพร้อมกับพบความจริงว่า มันยังไม่เสร็จแถมยังไม่คืบหน้าด้วย เพราะมันเป็นแค่ฝัน แล้วก็ไม่เคยเงยหน้าเลยตลอดทั้งวัน ต้องรีบทำงานหาเงินมาผ่อนทุกอย่างที่มีอยู่ ไม่ว่าบ้านหรือรถ สิ่งของเหล่านี้จำเป็นทั้งนั้นแล้วถ้าอยู่กัน 2 คน เป็นครอบครัวมีลูกด้วยยิ่งแล้ว แทบจะไม่มีเวลาหยุดนิ่งกันเลย ต้องไหนจะต้องดูแลทุกอย่างที่หามาได้ ก็ยังต้องเป็นห่วงลูกอีกด้วยยิ่งทำให้เกิดความเปราะบางขึ้นในชีวิต ด้วยความเหนื่อยล้าและไม่ได้มองสิ่งรอบตัวเป็นความสุข แต่มักจะมองว่ามันคือภาระ ยิ่งคิดแบบนี้นานเท่าไหร่ก็เหมือนแก้ที่ถูกการขูดผิวออกจนบางกว่ากระดาษ เมื่อเกิดการกระทบกระแทกเพียงเบาๆ หรือโดนแค่อาการอัดเข้าไปนิดหน่อยก็แตกได้ตลอดเวลา นั้นก็หมายถึงการที่เราคิดว่าทุกอย่างคือสิ่งที่เราต้องแบก ยิ่งทำให้เราหมดกำลังใจ
ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงได้ด้วยความคิดของเราเอง อย่างที่เขาว่ากันว่าคนมองต่างกัน ความคิดก็ต่างกัน น้ำในแก้วที่เราเห็นบอกว่ามันมีแค่ ครึ่งแก้ว กับอีกคนบอกมีตั้งครึ่งแก้ว อีกคนมองว่ากำลังจะหมดและกำลังจะเสียมันไป แต่อีกคนมองว่ามันคือสิ่งที่มันมีค่ามากที่สุดเรายังมีทางรอดเรายังมีน้ำกินน้ำใช้ บางคำ ต่างกันสุดขั้วจำเป็นอย่างมากที่เราจะต้องมองทุกอย่างให้บวกไว้ก่อน แล้วทุกสิ่งจะเปลี่ยนไปในสิ่งที่ดีขึ้น
เปลี่ยนจากคำว่าเหนื่อย เป็นสนุก เปลี่ยนจากคำว่าทุกข์ เป็นความสุขที่ยังมีงานทำ ค่อยๆปรับเปลี่ยนไปแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นไปตามลำดับ และที่สำคัญอย่างมาก สำหรับคนที่อยู่ด้วยกันและกำลังเดินไปในเส้นทางเดียวกัน ยิ่งต้องให้กำลังใจกันและกัน ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตามแต่ จะอยู่กันแค่เพียง 7 วัน 7 เดือน หรือกว่า 20 ปีมาแล้วก็ยังต้องให้กำลังใจกันไว้ตลอด เมียเหนื่อยสามีให้กำลังใจ ผัวเหนื่อยภรรยาให้กำลังใจเช่นกัน
และคำที่จะให้กำลังใจกันดีที่สุด ก็คือคำที่เราใช้กันมาตั้งแต่เริ่มจีบกันใหม่ๆ วันนั้นขนาดว่ายาขมยังหวานกว่าน้ำอ้อย แล้ววันนี้ก็ต้องรสชาตินั้นเหมือนกัน ด้วยการใช้ 3 ประโยคเหล่านี้ให้กำลังใจกันทุกวัน ถือว่าดีและน่ารักที่สุด

ขอกอดหน่อย
เมื่อก่อนตอนที่เราจีบกันเป็นแฟนกัน เจอกันก็จะพูดกันเสมอว่าขอกอดหน่อยแล้วมันก็น่าแปลกอย่างมากกับคนที่เรารักมากๆ พอได้กอดกันเหมือนเราได้พลังงานจากเขามาเต็มๆ จากพลังงานเราเหลือแค่ 0.1% กลับกลายเป็นมีพลังกลับเต็ม 100% เหมือนเดิม หรือบางคนได้กอดกับลูกกับพ่อแม่ ก่อนไปทำงานหรือหลังกลับจากที่ทำงานมันทำให้มีแรงขึ้นอย่างมาก ไม่เคยมีใครวัดว่าการกอดกันนั้นมีพลังงานมากน้อยเท่าไหร่ จะรู้ได้ก็แค่คนที่ได้กอดกันเท่านั้น
ขอหอมหน่อย
ไม่แปลกที่เราจะบอกกับเธอหรือเขาคนนั้นว่า ขอหอมหน่อย สิ่งแรกที่เราจะได้ก็คือรอยยิ้ม ยังไม่ได้ทันหอมแก้มกันเลยก็มีพลังงานเกิดขึ้นแล้วเพราะรอยยิ้มเล็กๆ ทำให้มีแรงขึ้นมาทันที คิดง่ายๆ เวลาที่เรากลับมาจากที่ทำงานเหนื่อยๆ แล้วก็บอกกับเขาว่าขอหอมหน่อยแล้วเราก็เข้าไปหอมแก้มเขาเต็มๆ กอดแถมด้วย รับรองว่าหลังจากนั้นจะมีทั้งขนม น้ำ หรืออาหารแสนอร่อยเกิดขึ้นทันที คนหอมก็มีกำลังใจ คนถูกหอมก็ได้รับความรักและกำลังใจ คนที่ถูกหอมกลับเป็นว่าได้มากกว่าคนขอเสียอีก เพราะเธอคือกำลังใจถ้าไม่ได้จากเธอก็ไม่มีความหมาย
ขอจุ๊บหน่อย
เวลาสอนเด็กขอหอมหน่อยเด็กๆก็จะให้หอม หรือไม่ก็เป็นฝ่ายหอมเราเอง มันก็จะรู้สึกดี แล้วก็ตามมาด้วยขอจุ๊บหน่อย เป็นการจุ๊บแบบให้กำลังใจ มิใช่การจุ๊บแบบชู้สาวร่างกายเมื่อได้สัมผัสคนที่เรารัก เราจะรู้ได้ทันทีว่าคนที่เรารักนั้นรักเราหรือไม่ ถ้าการจุ๊บกันนั้นมีพลังงานแห่งความรักและกำลังใจอยู่จริงหัวใจจะพองโตแบบไม่รู้ตัว มีความสุขได้ตลอดทั้งวัน ทำงานเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ไม่มีบ่น คิดถึงตอนที่เธอมาจุ๊บกันก็มีความสุขที่สุดแล้ว ยิ่งตอนเย็นนัดกันไว้อีกด้วยก็ยิ่งอยากทำงานให้เสร็จอยากให้ถึงเวลาเลิกงานเร็วๆ มันคือกำลังใจที่ดีที่สุด
กำลังใจคือสิ่งที่แปลกประหลาดมาก ๆ มันมีพลังในตัวมันเอง คำพูดหรือการกระทำมันจะมีออร่าที่ทำให้ความรู้สึกของเรานั้นเกิดพลังขึ้นมาได้อย่างมากมาย ไม่ว่าเราจะมีเหงื่อท่วมตัวหรือเหนื่อย ล้า อ่อน เพลียขนาดไหนเราก็จะมีแรงขึ้นมาในทันที หรือถ้าเราอยู่ห่างไกลกัน ไม่สามารถส่งความรู้สึกผ่านร่างกายได้ คำพูดก็จัดว่าเป็นการให้กำลังใจได้ไม่แพ้กัน อย่าให้คำพูดดีๆ เก็บไว้ใช้แต่กับคนที่เราไม่ได้ฝากตัวและหัวใจไว้ด้วย ใช้กับคนที่เขาเป็นห่วงเราและรักเราให้มากที่สุดจะดีกว่า ถ้าเราไม่ได้แรงใจหรือกำลังใจจากกันและกัน ต่อให้คนอื่นมาพูดนับล้านครั้งก็ไม่มีประโยชน์อะไรแน่นอน